#บุหรี่ไฟฟ้า.. ต้องระวัง โดยเฉพาะเด็ก-วัยรุ่น
.
#TOYPOD บุหรี่ไฟฟ้ารุ่นใหม่ เลียนแบบของเล่น-ตุ๊กตา
.
ปัจจุบันพบว่ามีผู้ใช้บุหรี่ไฟฟ้ามากขึ้น ที่น่าเป็นห่วงคือเข้าถึงกลุ่มเด็กวัยรุ่นง่ายและรวดเร็ว พบว่าเด็กมัธยมต้นของไทยอายุ 13-15 ปี สูบบุหรี่ไฟฟ้าเพิ่มจาก 3.3% ในปี 2558 เป็น 8.1% ในปี 2564 ซึ่งหากดูส่วนประกอบแล้วบุหรี่ไฟฟ้าก็คือบุหรี่ชนิดหนึ่งที่เปลี่ยนกลไกการทำงานและหน้าตาไป แต่ยังคงมีสารเสพติดอย่าง "นิโคติน" สูงและ "สารพิษอันตราย" มากมายซึ่งก่อให้เกิดอาการเฉียบพลันและโรคต่าง ๆ ตามมาได้ในที่สุด ถึงแม้ว่าบริษัทผู้ผลิตอ้างว่าไร้สารนิโคตินหรือไร้สารพิษ อย่าหลงเชื่อ! ชวนมาดูข้อมูลที่น่าเชื่อถือกันก่อนค่ะ
5 ข้อควรรู้เกี่ยวกับ บุหรี่ไฟฟ้า
1. บุหรี่ไฟฟ้าทำลายหัวใจ สมอง ปอด
เช่นเดียวกับบุหรี่ธรรมดา สาร "นิโคติน" ในบุหรี่ไฟฟ้าทำให้ความดันโลหิตและอะดรีนาลีนสูงขึ้น ซึ่งจะเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและอาจทำให้หัวใจวายและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง มากไปกว่านั้นยังส่งผลต่อพัฒนาการของสมองต่อทั้งทารกในครรภ์ เด็กและวัยรุ่น ส่งผลต่อการเรียนรู้และโรควิตกกังวลได้
นอกจากนี้ยังพบว่าทำให้เกิดโรคปอดและหลอดลมอักเสบ
2. บุหรี่ฟ้ามี "สารเคมีก่อมะเร็ง" จำนวนมาก
นอกจากนิโคตินแล้วควันไอละอองจากบุหรี่ไฟฟ้ามีฝุ่นขนาดเล็ก PM 1.0 และ PM 2.5 และมีสารเคมีที่เป็นอันตราย เช่น ฟอร์มาร์ลดีไฮด์ ไดอะซิทิล และอโครลิน รวมทั้งโลหะหนักที่เป็นพิษ เช่น นิกเกิล ดีบุก และตะกั่ว ซึ่งที่มาของโลหะหนักอาจจะมาจากน้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า หรืออุปกรณ์สูบที่โลหะหนักหลุดลอยจากขดลวดที่ชุบน้ำยา ขณะที่สารปรุงแต่งกลิ่นรสที่มีนับพันชนิดที่ถูกความร้อนจนเกิดเป็นไอระเหย
ที่สำคัญไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้ามีขนาดอนุภาคที่เล็กกว่าบุหรี่ธรรมดา ทำให้สามารถถูกสูดเข้าไปในปอดส่วนลึกได้มากกว่า อนุภาคที่เล็กนี้จะจับเข้ากับเนื้อเยื่อปอดและดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็วและยากที่กลไกธรรมชาติของร่างกายจะขับออกมาได้
3. บุหรี่ไฟฟ้าไม่ช่วยเลิกบุหรี่
เพราะบุหรี่ไฟฟ้ามีสาร “นิโคติน” เหมือนกันกับบุหรี่ธรรมดาซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดอาการเสพติด จึงทำให้เสพติดได้เช่นกัน บางยี่ห้อพบว่ามีนิโคตินสูงเท่ากับบุหรี่มวน 20-50 มวนเลยทีเดียว และยังไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะระบุว่าบุหรี่ไฟฟ้าช่วยเลิกบุหรี่ได้ ผู้ที่ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ไม่เพียงแต่จะติดนิโคตินเท่านั้น แต่ยังมีแนวโน้มที่จะใช้บุหรี่มวนในอนาคตถึง 3 เท่า นอกจากนี้คนสูบบุหรี่ไฟฟ้าเพื่อเลิกบุหรี่พบว่า 60% กลับมาสูบบุหรี่ชนิดมวนใหม่ซึ่งสูงกว่าการบำบัดด้วยวิธีอื่น หากถามว่าวิธีใดดีที่สุดสำหรับการเลิกบุหรี่ คำตอบคือหยุดทั้งคู่ ทั้งบุหรี่ธรรมดาและบุหรี่ไฟฟ้า แล้วเข้ารับการรักษากับแพทย์โดยตรงค่ะ
4. บุหรี่ไฟฟ้าส่งผลกระทบต่อคนรอบข้าง (บุหรี่มือสอง)
อย่าลืมว่าบุหรี่ไฟฟ้าไม่มีควันจากการเผาไหม้ก็จริงแต่มีไอระเหยของบุหรี่ไฟฟ้า ทำให้คนรอบข้างมีโอกาสสูดดมและสัมผัส ซึ่งไอระเหยก็มีทั้งสารเสพติดและสารพิษที่ส่งผลร้ายต่อร่างกายทั้งแบบเฉียบพลันและเกิดการสะสม เสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ ได้เช่นเดียวกันกับผู้ที่สูบ
5. บุหรี่ไฟฟ้าเป็นสินค้าผิดกฎหมายในประเทศไทย
ในปี 2564 มี 32 ประเทศทั่วโลก ประกาศใช้กฎหมายห้ามเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า เช่นเดียวกับประเทศไทย ขณะนี้บุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสินค้าต้องห้าม บุคคลที่มีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในความครอบครอง ถือว่ามีความความผิดทั้งผู้นำเข้า ผู้ขาย และผู้ใช้/ครอบครอง เมื่อเจ้าหน้าที่พบเห็นความผิดซึ่งหน้าสามารถเข้าจับกุมได้ และมีโทษทั้งจำคุก - ปรับ